บทที่ 2 ตอนที่ 2
ยาห์มิล บิน ชาร์คีล อัล อัซซาด กษัตริย์แห่งซาคีฟาร์ กัดฟันแน่น ดวงตาคมกล้าสีทองที่มีแพขนตายาวงอนสีนิลประดับอยู่อย่างเหมาะเจาะเจิดจ้าด้วยไม่พอใจ ขณะก้มมองร่างอรชรที่นอนกองอยู่แทบเท้าด้วยความรังเกียจ เรือนกายสูงใหญ่เดินผ่านไปหยุดที่หน้าห้องหนึ่งที่อยู่ห่างจากตรงจุดที่บัวบุษบานอนหมดสตินั้นไม่ไกลนัก
“ชารีฟ ช่วยไปดูแม่สาวใจแตกคนนั้นหน่อยสิ ว่าตายหรือไง”
ยาห์มิลเอ่ยเสียงกระด้างกับคนสนิทที่ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนจะก้าวยาว ๆ หายเข้าไปด้านในเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก
ชารีฟองครักษ์คนสนิทประจำตัวของกษัตริย์ยาห์มิล ค้อมศีรษะให้กับเจ้านายด้วยความเคารพ ก่อนจะปลีกตัวออกมาทำตามคำสั่งของยาห์มิลทันที
“สงสัยนางจะเป็นคนที่ทางร้านนี้จัดไว้ให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ชารีฟก้มหน้าบอกเสียงนุ่ม ขณะประคองสาวน้อยที่หลับใหลไม่รู้สติไว้ในอ้อมแขน
ยาห์มิลตวัดสายตาขึ้นมองอย่างไม่พอใจ “เราไม่ต้องการผู้หญิง เจ้าไม่ได้แจ้งความประสงค์เหล่านี้ให้กับเจ้าของร้านหรือ”
กรามแกร่งสีน้ำตาลทองขบกันแน่น ใบหน้าที่คมเหลี่ยมกระด้างจัด ริมฝีปากหยักสวยสีเข้มที่มีจมูกโด่งแหลมอยู่ด้านบนเม้มเข้าหากันแน่น
“ที่เรามาที่นี่ก็เพราะมีการเจรจาเรื่องธุรกิจ ไม่ได้มาหาความรื่นเริงจากเนื้อตัวของพวกผู้หญิงเหล่านี้”
“กระหม่อมแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า...”
“เราไม่อยากฟังคำแก้ตัว ถ้าอยากให้เราผ่อนคลายนัก ก็พานางมาวางบนโซฟา แล้วเจ้าก็ออกไปได้แล้ว”
น้ำเสียงกระด้างน่ากลัว ความไม่พอใจที่ถูกขัดใจระบายชัดเจนเต็มใบหน้าที่หล่อราวกับเทพบุตรชั้นฟ้าของกษัตริย์ยาห์มิล
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชารีฟก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อมก่อนนำร่างอรชรของผู้หญิงในอ้อมแขนไปวางไว้บนโซฟาตามคำสั่งของเจ้าเหนือหัว และรีบถอยหลังออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดยืนตระหง่านค้ำอยู่เหนือร่างอรชรที่ตอนนี้หลับใหลไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาด้วยความขยะแขยง ร่างสูงใหญ่ กำยำ ทรุดนั่งลงบนส้นเท้า ศีรษะทุยได้รูปสวยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีนิลก้มต่ำลงพิจารณาใบหน้าของแม่สาวน้อยผีเสื้อราตรี
ยาห์มิลประเมินได้จากสายตาว่าหล่อนคงจะอายุไม่น้อยกว่ายี่สิบปี และเจ้าหล่อนก็สวยงามไม่ใช่เล่น สายตาคมกล้าไล่มองไปตามใบหน้ารูปไข่ ขาวเนียนตานั้นอย่างตื่นตะลึง เจ้าหล่อนมีเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบหาใครเทียม ไล่ไปตั้งแต่หน้าผากนูนเด่นคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ที่อยู่เหนือเรียวคิ้วโก่งดกดำตามธรรมชาติ ดวงตาที่คาดว่าน่าจะกลมโตน่าดู ถูกล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวที่เปียกชื้น ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเจ้าหล่อนพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ลมหายใจของเขาสะดุดเล็กน้อย เมื่อสายตารับภาพเรียวปากอิ่มเต็มสวยสีแดงสดราวกับผลสตรอว์เบอร์รีสุกที่อยู่ใต้ปลายจมูกโด่งเชิดเล็กน้อยเหมือนคนหัวดื้อ
หล่อนสวยงามนัก...
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วมือแกร่งเรียวสีน้ำตาลทองของตัวเองไปบนผิวแก้มเนียนละเอียดนั้น รอยยิ้มหยันผุดที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่คงมีแต่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินออกมา
“ในเมื่ออยากบริการนัก ผมก็จะสนองให้...”
ใจที่เคยคิดไว้ว่าจะไม่แตะต้องกับผู้หญิงหากินไขว้เขวจนเสียหลัก ก็เจ้าหล่อนคนที่ถูกส่งมาน่ารักซะขนาดนี้ มีหรือว่าเขาจะปล่อยให้หล่อนหลุดมือไป
อยากลองดูเหมือนกันว่า ผู้หญิงไทยจะให้รสชาติยังไง ยามที่อยู่ใต้ร่างของเขา
ชารีฟที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องพักส่วนตัวหรูที่ทางร้านจัดไว้รอรับกษัตริย์ยาห์มิล รีบก้มศีรษะลงทันทีเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก พร้อม ๆ กับเรือนร่างสูงใหญ่ของยาห์มิลที่ก้าวข้ามธรณีประตูออกมา
“องค์ยาห์มิล จะเสด็จไหนพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หนุ่มถามเสียงเรียบ ขณะเหลือบตามองร่างอรชรที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของยาห์มิลด้วยความประหลาดใจ รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่องค์ยาห์มิลอุ้มแม่สาวน้อยที่ถูกส่งตัวมาให้บำเรอสวาทไว้แนบอก
“เราจะกลับบ้านพัก ที่นี่ไม่สะดวก”
“เอ่อ ให้กระหม่อมอุ้มนางให้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่จำเป็น...”
น้ำเสียงห้าวไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปสวยสีเข้มของยาห์มิล พร้อมกับที่ช่วงขาแข็งแกร่งก้าวยาว ๆ ผ่านหน้าขององครักษ์คนสนิทออกไป
ชารีฟรีบเดินตามอย่างรวดเร็ว ขณะที่มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีเข้มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคนขับรถ เพื่อให้เอารถมาเทียบท่าที่หน้าประตูหลังร้านเพื่อรอเสด็จองค์ยาห์มิลกลับบ้านพัก
ยังไม่ทันที่ยาห์มิลจะเดินออกมาถึงประตูหลังร้าน รถลิมูซีนสีดำเงาวับสุดหรูสามคันก็แล่นมาจอดรถนิ่งอยู่ที่ชานบันไดที่มีพรมหนาสีน้ำเงินปูไว้ตลอดทาง ผู้ชายในชุดสูทสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ในรถคันที่สองเปิดประตูออกมาพร้อมๆ กับวิ่งมาโค้งศีรษะให้กับกษัตริย์แห่งซาคีฟาร์ด้วยความจงรักภักดี ก่อนที่มือสีแทนจะเปิดประตูรถให้ ทุกอากัปกิริยาเต็มไปด้วยความนอบน้อม
เรือนกายสูงตระหง่านในชุดลำลองสีดำสนิทก้าวยาวเดินมาหยุดที่รถ ขณะขยับวงแขนที่โอบอุ้มร่างอรชรที่หนักเอาการของบัวบุษบาเอาไว้แน่น ก่อนจะเบนใบหน้าที่หล่อร้ายกาจสีน้ำตาลทองนั้นไปทางชารีฟที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ห่างนัก
“ชารีฟ เจ้านั่งรถไปกับราชิดและฟาฮีร์ ไม่ต้องตามเรามา”
พูดจบกษัตริย์หนุ่มก็ก้มลงวางร่างที่หลับใหลไม่ได้สติของสาวน้อยในอ้อมแขนไว้ในรถด้วยกิริยาที่ไม่อ่อนโยนนัก ก่อนจะก้าวตามขึ้นมา รถคันหรูที่ยาวเฟื้อยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทันทีเมื่อสิ้นเสียงปิดประตูแผ่วเบาจากราชองครักษ์ราชิด
